วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

On the road again

การเดินทาง -- เป็นสิ่งสวยงามที่คนทุกคนไฝ่ฝัน และเคยทำ และฝันอีก ได้ทำอีก และฝันอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ถือเป็นความฝันนึงที่ไม่เคยสิ้นสุด ไม่เกินเอื้อม และการได้ทำอีกครั้งก็ไม่ได้น่าเบื่อแต่อย่างใด ....

ในถนนสายนักดนตรี  'การเดินทาง' เป็นหนึ่งในงานที่ต้องทำ ...

คือการต้อง tour เรียกกันบ้านๆ ก็คือวิ่งรอกเล่นดนตรีนั่นเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักดนตรีที่โด่งดัง หรือ เป็นศิลปินไร้ชื่อเสียง ต่างก็ต้อง วิ่งรอก กันทั้งนั้น

road -- ถนน ปรากฏในเพลงมากมายบนโลกนี้ เช่นเพลง
Hit the road jack ของ Ray Charles ก็หมายถึงการออกเดินทาง หรือ การจากไป จากลา

เพลงนึงที่ผมชอบคือ On the road again ของ Willie Nelson


On the road again 
just can't wait to get on the road again
The life I love is making music with my friends
And I can't wait to get on the road again

On the road again
goin' places that I've never been
Seein' things that I may never see again
And I can't wait to get on the road again


On the road again like a band of gypsies we go down the highway
We're the best of friends insisting that the world keep turning our way 
and our way



เป็นเพลงคันทรี่เพลงนึงในใจผมเลย เพลงนี้พูดถึงความสนุกสนาน และ แรงบันดาลใจในการเดินทาง
คือรอไม่ไหวที่จะออกเดินทาง สนุกที่จะได้เจอเพื่อนๆ

เพลงมากมายเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปเล่นดนตรี เหมือนพวก ยิปซี ที่เดินทางร่อนเร่ไปเรื่อยๆ เพลงของยิปซีจะมีความสนุกมนาน ถ้าเพลงเศร้าก็จะเศร้าสุดๆเช่นกัน

เช่นเดียวกับการเดินทางในชีวิตของผม ที่ได้เจออะไรมากมาย ทั้งดีและไม่ดี แต่มันคือสีสัน คือความทรงจำที่ดี และควรจดจำ
ผมเขียนเพลงไม่เก่ง แต่การเดินทางก็ให้แง่คิด หรือสัจธรรมบางอย่างที่ช่วยบันดาลใจผม อย่างน้อยๆ blog ชุดนี้ก็จะเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในการเดินทางที่ผมได้รับ

เอาไว้จะมาแบ่งปันให้ฟังเรื่อยๆนะครับ

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

09192006 - 09192011

1
ครั้งแรกของการไปอเมริกาไม่ได้ไปกับเธอ 
สถานที่แรกที่ไปในอเมริกาไม่ใช่บ้านเธอ
ครอบครัวแรกที่เจอในอเมริกาไม่ใช่ครอบครัวเธอ
อาหารมื้อแรกในอเมริกาไม่ได้ทานกับเธอ


2
เออร์ไวน์ สวยงาม เป็นระเบียบ น่าอยู่ อากาศดีมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไทยหัวดำที่เพิ่งจะเหยียบอเมริกาเป็นครั้งแรก
ที่นั่นมีทุกอย่าง ความปลอดภัยติดอันดับโลก ออกจากบ้านไม่ต้องล๊อคประตูก็สบายๆ ตำรวจก็ไม่ค่อยจะเห็น แต่เกิดอะไรขึ้นแค่ไม่เกิน 5 นาทีตำรวจมาเต็ม 

สิ่งที่เห็นทุกอย่างที่นั่นคือ มนุษย์สร้างขึ้นมา ไม่เว้นแม้แต่ต้นไม้ ย้ำ ไม่เว้นครับ ที่เห็นต้นปาล์ม สัญลักษณืของแคลิฟอร์เนียนั่นแหละครับ

3
ทุกอย่างใหม่หมด เพื่อนใหม่ สถานที่ใหม่ๆ อากาศใหม่ๆ วัตนธรรมใหม่ๆ 
ได้ทานอาหารแจ่มๆ ดีดี .. เนื้อวัวธรรมดาๆที่นั่นคือเนื้อชั้นดีของไทยแลนด์ 
ตอนเข้าครัวไปทำอาหารที่นั่นเลือกเนื้อสตูว์มาผัดธรรมดาๆก็อร่อยได้ 
.
.
.
กฏ ก็เป็นสิ่งใหม่ คือ ทุกคนเคารพกฏ ไม่ว่าจะเป็นกฏหมาย หรือ กฏเกณฑ์ 
เมืองไทยขับรถไปเจอป้ายหยุดก็ไม่หยุด เส้นแบ่งเลน ทึบ ประ ไหล่ทาง ที่นั่นมีความหมายหมด 
บ้านเมืองจึงมีระเบียบพอสมควร เห็นอย่างนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนใจ 

4
วันที่ต้องกลับคือวันที่ 19 กันยา แต่เพื่อนคนนึงเป็นคนเล่นหุ้นชาวมาเลเชีย รีบมาแจ้งข่าวว่าอย่าเพิ่งกลับไปเมืองไทย ทางเมืองไทยมีเรื่องการเมือง เดี๋ยวจะติดอยู่ที่ฮ่องกงแล้วจะลำบาก ขอให้อยู่ที่เออร์ไวน์ก่อนอีกวันแล้วดูสถานการณ์ ....

..... ผ่านมาหลายปี นึกย้อนกลับไปแล้วก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ตอนนั้นก็ห่วงคนทางนี้เพราะเราไม่เห้นว่าสถานการณ์มันดี แย่ แค่ไหน ยิ่งผมเพิ่งจะแต่งงานได้เดือนเดียวเอง

19 กันยาปีนี้ แม้แต่หลายๆอย่างทั้งที่ เออร์ไวน์และที่นี่ต่างก็ไม่เหมือนเดิม บ้างดีขึ้น บ้างแย่ลง แต่สิ่งนึงที่คงอยู่คือความสัมพันธ์ แม้ตอนเริ่มจะเป็นเวลาสั้นๆที่ได้เรียนรู้กัน แต่จนถึงวันนี้ 5 ปีเข้าไปแล้ว ไม่ว่าไปที่นั่นเมื่อไหร่ ก็ยังคงต่อกันติดอยู่เสมอ   น่าจะเป็นเพราะเราต่างก็มีใครคนนึงอยู่ตรงกลางของความสัมพันธ์นั้น และต่างก็ยึดคนคนนั้นไว้ ก็จะสามารถต่อติดกับคนได้อีกเป็นพันๆ อาจถึงล้าน 

ไม่ว่าความสัมพันธ์จะใหม่หรือเก่า แต่หากเราใส่ใจและให้คุณค่ากับความสัมพันธ์นั้นทุกวินาที มันจะกลายเป็นตราประทับใจหัวใจเราไปตลอด 

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

Freedom

16092011

เวลาเราเจอสถานการณืที่ลำบากเข้ามาในชีวิต มันทำให้ความคิด และ สมาธิถูกสกัดกั้นมิให้มองเห็นทางออก และก่อให้เกิดความอึดอัดในชีวิตไปโดยปริยาย 

ยากนักที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ แต่ ง่ายนิดเดียวหากเราเปลี่ยนมุมมอง

เหมือนรูปด้านบน หากมองทะลุออกไปก็จะเห็นท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ แต่ ผมตั้งใจ focus ที่มุ้งลวดที่กั้นอยู่ระหว่างข้างในและข้างนอก

จริงๆแล้วคนเราส่วนใหญ่ไม่เคยมานั่งสังเกตมุ่งลวดที่กั้นอยู่หรอก แต่ในชีวิตจริงกลับมานั่งมองปัญหาที่มันกั้นเราออกจากโลกภายนอก แทนที่จะมองออกไปข้างนอกเหมือนกับมองทะลุมุ้งลวดมันออกไป 

สำหรับผม พระเจ้ารู้จักผมดี และสอนผมผ่านสิ่งที่ผมรัก สิ่งที่ผมสนใจ และทรงรู้สติปัญญาของผม ไม่สิ จริงๆแล้ว ทรงมอบปัญญานั้นแก่ผมต่างหาก เพื่อผมจะเข้าใจสิ่งที่ผมขาดอยู่เพื่อจะได้เรียนรู้

ผม ที่ครั้งนึงเคยเป็น Blackbird ที่บาดเจ็บ กลับมองเห็นเป้าหมายที่จะบินออกไป และพร้อมที่จะบินได้อีกครั้ง

----
--
-
Freedom is depends on you perspective, sometime the situation can framed you so easily and it makes everything worse because you can't think, can't concentrate on solving the situation.

You can't change the situation but you can change from your perspective.

Like the picture I post, if you look trough the screen it's sky but I choose to focus closer at the net that is between inside and outside.

Most people never realize there's the net between that everyone look trough it out to the big fresh blue sky meanwhile in the real life they not focus farer but focus at the screen which just a small things that block the big fresh freedom out there.

God knows me and he teach me trough the things I love, stuffs I interested and he know my wisdom, actually he give me wisdom to understand his massages he want to teach me.

Now I'm like a hurt Blackbird and now I'm ready to fly again
.............................................................

whimsical

My life always have a surprise sometime I felt good about it immediately but sometime were not and I believe that nobody like that kind of surprise included me.

As I am a photographer and musician, that's make my perspective more artistically and optimistically especially I have someone always help me out to figured everything out to search the awesomeness in each tough surprise that I hated it.

Then all the surprise could be the challenge for me to find out why its
Good surprise.

And I want to share my whimsicality out.